สูตรขนมหมา Homemade ทำเองง่าย ๆ ได้ประโยชน์โดนใจเจ้าตูบ

 สูตรขนมน้องหมา Homemade วิธีทำอาหารหมาเองง่าย ๆ ไม่ต้องซื้อ อร่อยได้ประโยชน์โดนใจตูบ

หลังรับเลี้ยงน้องหมานามว่า เลดี้ ที่แฟนฝากไว้ให้ดูแล คุณนิ่ม (Diary Delicious) สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็ได้ไอเดียจากการที่สังเกตว่าน้องหมาชอบกินขนม เธอเลยนำเอาสูตรขนมน้องหมา (Dog Snacks Homemade) มาลองปรับและดัดแปลงให้ได้สัดส่วนที่ลงตัว จนออกมาเป็นสูตรขนมสำหรับน้องหมา Homemade ที่น้องหมาติดใจ ถ้าอยากรู้ว่าสูตรจะมีส่วนผสมและวิธีการทำอย่างไรตามไปดูกันค่ะ

บทความเกี่ยวกับสุขภาพสุนัข

ช่วงนี้นิ่มได้มีโอกาสเลี้ยงหลานสาวคนโต หลานสาวชื่อ เลดี้ ลูกสาวแฟนฝากเลี้ยงค่ะ อยู่กันได้ 2 วันน้ำหนักขึ้นไปเป็นกิโล ฮ่า ๆ เจอคุณยายนิ่มทำขนม นม เนย กินเพลินเลยค่ะ วันนี้เลดี้เพิ่งได้กลับบ้านไปหาแม่ นิ่มก็เลยมีเวลานั่งลงสูตร Dog Snacks Homemade ขนมน้องหมาให้ทุกคนได้ลองทำกัน สูตรนี้นิ่มเอามาประยุกต์จากหลาย ๆ สูตรที่ได้ดูทางอินเทอร์เน็ต เป็นสูตรที่ฝรั่งเขาทำให้น้องหมากัน นิ่มก็เอามาแปลให้เผื่อใครอยากจะลองทำขนมให้น้องหมากันเองบ้างค่ะ

รายละเอียดของส่วนผสม

– แป้งสาลี 3 ถ้วยตวง

– อาหารเหลวของเด็ก 195 กรัม นิ่มซื้อรสไก่งวงกับผักบดค่ะ ใครจะเลือกรสอื่นก็ได้นะคะ

– สูตรฝรั่งมีหลายสูตร เขาใช้ซุปไก่ก้อนละลายน้ำมาผสม

– แต่นิ่มเลือกเอาแบบเพื่อสุขภาพดีกว่า ไม่อยากให้น้องหมากินผงชูรสกลัวขนร่วง แหะ ๆ

– ไข่ 1 ฟอง

ขั้นตอนการทำ

  1. วิธีการก็เริ่มจากนำแป้งสาลีมาผสมกับอาหารเด็กก่อน
  2. แล้วก็นวดค่ะ เริ่มต้นนิ่มใช้แป้งแค่ 2 ถ้วยครึ่งก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะน้อยหรือมากเกินไป เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้ทำ
  3. จากนั้นนิ่มตอกไข่ลงไป ขยำเปลือกไข่ลงไปด้วย เพราะเขาว่าเปลือกไข่มีแคลเซียมดีค่ะ
  4. พอใส่ไข่ลงไปแป้งก็จะเริ่มเหลว นิ่มก็เลยเพิ่มแป้งสาลีลงไปอีก ½ ถ้วยตวง จากนั้นก็จะได้แป้งแบบนี้ค่ะ
  5. จากนั้นก็นำแป้งมารีดให้แบน ความหนาสักประมาณ ½ เซนติเมตรพอค่ะ
  6. พิมพ์นี้ซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต ตั้งใจว่าจะเอามาทำขนมให้น้องหมาโดยเฉพาะ ซื้อมานานแล้วเพิ่งได้ใช้นี่แหละค่ะ
  7. เสร็จแล้วก็เอาออกมาวางไว้บนกระดาษ
  8. นิ่มทาไข่ให้สีสวยหน่อย แล้วก็อบค่ะ นิ่มอบ 180 องศา ประมาณ 15-20 นาที ตรงนี้ถ้าใครชอบกรอบมาก ๆ ก็อบให้นานหน่อยค่ะ
  9. พออบเสร็จก็เอามาวางที่ตะแกรงให้เย็นนะคะ
  10. เรียบร้อยแล้วค่ะ เตรียมพร้อมเสิร์ฟ อิอิ

บทความแนะนำ : ปักกิ่ง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง…อดีตสุนัขชั้นสูงของจีน

ปักกิ่ง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง…อดีตสุนัขชั้นสูงของจีน

ปักกิ่ง สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง…อดีตสุนัขชั้นสูงของจีน เป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจสายพันธุ์หนึ่ง

ปักกิ่ง เป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจสายพันธุ์หนึ่ง พวกมันมีบุคลิกลักษณะผสมกันระหว่างความน่ารักประหลาด ๆ มีหน้าตาสั้น ๆ แบน ๆ จมูกทู่ ๆ ตากลมโต และยังขึ้นชื่อในเรื่องความทรนง เคยได้รับฉายา “ราชาแห่งสุนัข”

โดยใน ปักกิ่ง เป็นสุนัขชั้นสูงในราชสำนักจีน ทำให้ทุกวันนี้ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ยังคงมีบุคลิกแบบสวย เริ่ด เชิด และหยิ่งในศักดิ์ศรี พร้อมด้วยอาการดื้อดึงแต่พองาม มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ประกอบกับมีท่าทีการเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม อารมณ์ดีแต่สงบเงียบ ไม่เอะอะหรือร่าเริงเกินเหตุ แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งจนน่าเบื่อ ยิ่งหากได้คลุกคลีจนคุ้นเคย ปักกิ่ง ก็จะเป็นเพื่อนสี่ขาที่น่ารักเป็นที่สุด

สำหรับในประเทศไทย ปักกิ่ง เคยเป็นสุนัขที่ฮอตฮิตอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลดความนิยมลง เพราะสายพันธุ์แท้ ๆ ในปัจจุบันเริ่มหายาก การเลี้ยงดูค่อนข้างลำบาก และอากาศในบ้านเรา เป็นศัตรูตัวฉกาจของปักกิ่ง แต่ก็ยังคงผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในเสน่ห์ของสุนัขพันธุ์นี้ จากนิสัยและความสวยงามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ทั้งยังมีประวัติน่าสนใจเสียด้วยสิ…

ประวัติ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

ตามประวัติ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัดว่า สุนัขพันธุ์นี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด หากสืบสาวราวเรื่องไปได้ไกลที่สุด ก็พบหลักฐานว่ามีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งอยู่ในราชสำนัก สมัยราชวงศ์ถัง หรือราวศตวรรษที่ 8 โดยมีเรื่องเล่าว่า ในอดีต สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ถือเป็นสุนัขต้องห้าม กล่าวคือ จะเลี้ยงได้เฉพาะในราชสำนักเท่านั้น สุนัขพันธุ์นี้จะได้รับการปกป้องคุ้มครองสายพันธุ์ให้บริสุทธิ์อย่างเข้มงวด นั่นหมายถึงจะไม่มีการให้ผสมข้ามสายพันธุ์เด็ดขาด ถ้าใครคิดหาญขโมย มีโทษถึงตาย!!

นอกจากนี้ ปักกิ่ง ที่เป็นสุนัขประจำตัวของกษัตริย์ จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับพระศพ หากกษัตริย์สิ้นพระชนม์ในขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่าปักกิ่งเป็นสายพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ จะต้องตามไปปกป้องกษัตริย์หลังความตาย สุนัขพันธุ์นี้ จึงถูกจดจำในฐานะสุนัขที่มีความภักดีต่อผู้เป็นนาย และถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน รวมถึงถูกนำไปสร้างรูปจำลองแกะสลักวางไว้ตามวัดวาอารามต่าง ๆ ด้วย

ทั้งนี้ ใน ค.ศ.1860 อังกฤษชนะสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 และเข้ายึดวังจักรพรรดิที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ราชสำนักจีนก็ยังไม่วายมีสติพอที่จะสั่ง “ฆ่า” สุนัขพันธุ์ปักกิ่งทุกตัวที่มีอยู่ในวัง เพราะไม่อยากให้สุนัขสายพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของฝรั่ง ทว่ามี สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง 5 ตัว เหลือซ่อนอยู่ ว่ากันว่า เป็นสุนัขสุดโปรดของซูสีไทเฮา และเป็นสุนัขห้าตัวที่สวยที่สุด ดีที่สุดในแผ่นดินจีนสมัยนั้น และพวกมันถูกนำไปยังดินแดนของอังกฤษ ก่อนจะถูกถวายแด่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย

3 ปี นับจากถูกนำตัวไปอังกฤษ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ก็เริ่มปรากฎโฉมต่อสาธารณชน ซึ่งผู้คนต่างพากันสนใจทั้งในความสวยงามและประวัติอันน่าตื่นเต้นของสุนัขพันธุ์นี้ จากนั้นความนิยมในการเลี้ยง ปักกิ่ง ก็กระจายไปทั่วโลก โดยในสหรัฐอเมริกา มีการจดทะเบียนสุนัขพันธุ์ปักกิ่งไว้ใน American Kennel Club เมื่อปี ค.ศ.1906 ก่อนจะมีการจัดตั้ง Pakingese Club of America และลงทะเบียนเป็นสมาชิกใน American Kennel Club ในปี 1909 แสดงให้เห็นว่าคนอเมริกันให้ความนิยมชมชอบเจ้าสุนัขพันธุ์ปักกิ่งนี้อย่างมาก

สัตว์เลี้ยง-สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

ลักษณะทั่วไป สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

ปักกิ่ง จะมีรูปร่างสมส่วน กะทัดรัด ท่วงท่าการเดินสง่างามอย่างยิ่ง ไม่ลุกลี้ลุกลน ลำตัวส่วนหน้าดูใหญ่ หนา ลำตัวส่วนหลังเล็กแคบกว่า มีลักษณะขนช่วงแผงคอยาวแผ่คล้ายสิงโต ซึ่งแม้จะดูตัวเล็ก แต่หากอุ้มจะรู้สึกหนักมากกว่าที่คิด เพราะโครงร่างของปักกิ่ง มีกล้ามเนื้อหนาและแข็งแรง กระดูกหนา โดยปกติจะมีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 10-14 ปอนด์ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ช่วงชีวิตเฉลี่ยประมาณ 14-17 ปี

ทั้งนี้ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ได้รับสมญานามที่บ่งบอกลักษณะอันดี ดังนี้

1. Lion Dogs หรือ หมาสิงโต เพราะมีลำตัวช่วงหน้าที่หนา ใหญ่ แล้วค่อย ๆ เล็กแคบลงไปในช่วงหลัง

2. Sun Dogs เพราะมีขนสีแดงประกายทอง สวยจับตาจับใจ

3. Sleeve Dogs (หมาแขนเสื้อ) เพราะขนาดตัวที่เล็ก จนสามารถใส่ไว้ในแขนเสื้อคนจีนสมัยก่อนได้ แต่ปกติมักใช้เรียกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น

ลักษณะนิสัย สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

ถึงแม้จะเคยเป็นสุนัขที่ได้รับการดูแลอย่างดีอยู่ในวัง แต่ ปักกิ่ง ก็มีนิสัยกล้าหาญเกินตัว ไม่เกรงกลัวอะไรง่าย ๆ แม้จะเป็นสุนัขตัวเล็ก ๆ พวกมันไม่เคยมีประวัติเรื่องวิ่งหนีหางจุกตูด ทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ทรหดอดทน ฉะนั้น จึงทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี และที่เด่นชัดเป็นที่สุด ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ประจบประแจง ไม่เจ้าเล่ห์ และเลี้ยงง่าย ทั้งยังรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างยิ่งด้วย

นอกจากนี้ ปักกิ่ง ยังสุภาพ เป็นมิตร รักสนุกและชอบเล่น แม้ว่าในบางอารมณ์ ปักกิ่ง จะดื้อดึงไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะความเป็นตัวของตัวเอง รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครบังคับ อันเป็นนิสัยที่มีอยู่ในสายเลือด จนบางครั้งอาจดูเหมือนดื้อ เอาแต่ใจ หากแต่ก็ไม่ดื้อจนไม่เชื่อฟัง ถ้าได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี และได้รับความรักมากพอ ปักกิ่ง ก็น่ารักไม่ต่างไปจากเพื่อนตูบสายพันธ์อื่น ๆ เลยสักนิด

อย่างไรก็ดี ปักกิ่ง ไม่ค่อยชอบเด็กและเข้ากับสุนัขตัวอื่นได้ยาก แต่หากเจ้าของเลี้ยงให้โตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่ยากเกินไปนักที่ ปักกิ่ง จะทำใจยอมรับกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเพื่อนต่างสายพันธุ์

การเลี้ยง สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง

ขนยาว ๆ หนา ๆ ของปักกิ่ง จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผู้เลี้ยงควรแปรงขนและทำความสะอาดขนให้ปักกิ่งเป็นประจำ และยังต้องหมั่นทำความสะอาดบริเวณตา หู ตัดเล็บนิ้วเท้าให้สั้นอยู่เสมอ นอกจากนั้น ควรจูงสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง เดินออกกำลังกายสม่ำเสมอในระยะทางที่ไม่ไกลนัก

และด้วยจมูกสั้นแบน แถมยังจมลึกอยู่ระหว่างตาทั้งสองข้าง จึงทำให้ระบบการหายใจของปักกิ่ง เป็นไปอย่างลำบาก น้องหมาพันธุ์นี้จะไม่สามารถทนต่อสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นได้ดีเท่าใดนัก ฉะนั้น ปักกิ่ง จึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงนอกบ้าน หากเปิดแอร์ให้บ้างก็จะดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม สถานที่เลี้ยง ปักกิ่ง ต้องเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกด้วย

แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : แมวของใครมารับด่วน!

แมวของใครมารับด่วน!

แมวของใครมารับด่วน!

กลายเป็นไวรัลดังทั่วโลกโซเชียล เมื่อปรากฏคลิปพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ไล่ตามจับแมวตัวหนึ่งในเที่ยวบินจากนครดัลลัสไปนครซานฟรานซิสโก ในสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงวันท้ายๆของปีก่อน

แมวของใครมารับด่วน!

เรื่องวุ่นเล็กน้อยๆครั้งนี้บนเครื่องบินเกิดขึ้นเมื่อมี “แมว” ตัวหนึ่งออกมาเดินเตร่อยู่ในห้องโดยสารของเครื่องบินก่อน ผู้คนต่างมองหาว่าเจ้าเหมียวเดินวิ่งไปตรงไหนบ้าง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็มาช่วยกันเรียกตะล่อมให้แมวออกมา พอจับตัวได้ก็พบว่าเป็นแมวหน้าตาน่าเอ็นดูและตัวเขื่องไม่เบา แอร์โฮสเตสสาวเลยอุ้มแมวโชว์ขึ้นเพื่อหาตัวเจ้าของแมวตัวนี้ โดยส่งเสียงถามว่า “มีใครทำแมวหายมั้ยค้า” แสดงตัวและมารับแมวของคุณไปด่วน เพราะแมววิ่งไปรอบเครื่องบินแล้ว!! ในที่สุดก็มีผู้โดยสารชายคนหนึ่งก็เผยโฉม เดินออกมาด้วยความกระอักกระอ่วน และรับแมวตัวแสบของตนกลับไป

ในเว็บไซต์ของสายการบินยูไนเต็ดระบุว่า การเดินทางกับแมวจะได้รับอนุญาตเมื่อมีพื้นที่ว่าง แมวต้องอยู่ในกรงแบบแข็งหรือนิ่มที่พอดีกับใต้ที่นั่งด้านหน้าที่นั่งเจ้าของแมว

ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวตัวนี้หลุดมาได้ยังไง…แต่ยังดีที่ออกมาแค่วิ่ง ไม่แอบชิ้งฉ่อง หรือปล่อยอุนจิไว้!